เส้นทางการเมือง ของ ฟราโญ ตุจมัน

เมื่อปี พ.ศ. 2484 โครเอเชียอยู่ภายใต้การปกครองของเสรีรัฐแห่งโครเอเชียซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐหุ่นเชิดของนาซีเยอรมนี เขาจึงเข้าร่วมกับพลพรรคยูโกสลาเวียในช่วงต้นปี พ.ศ. 2485 โดยได้รับการคัดเลือกจากมาร์กอ เบลินิช[8] และบิดาของเขาก็เข้าร่วมด้วย และได้ก่อตั้งสภาต่อต้านฟาสซิสต์แห่งรัฐเพื่อการปลดปล่อยแห่งชาติโครเอเชียขึ้นมา เป็นเหตุให้บิดา น้องชาย และตัวเขาถูกพวกอุสตาเช (กลุ่มลัทธิฟาสซิสต์ที่ปกครองโครเอเชียในเวลานั้น) จับกุมตัว แต่สามารถรอดชีวิตมาได้ยกเว้นน้องชายของเขาคือสติเยปานซึ่งถูกพวกเกสตาโพสังหาร[8]

หลังเสร็จสิ้นสงคราม เขาได้รับราชการทหารและได้รับตำแหน่งในกระทรวงกลาโหมของยูโกสลาเวีย ต่อมาเขาได้รับยศพลตรีก่อนที่เขาจะลาออกไปเป็นอาจารย์สอนวิชารัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยซาเกร็บ[9] และเขาได้รับปริญญาเอกจากคณะประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ. 2508 จากมหาวิทยาลัยซาดาร์[10] ต่อมาเขาจึงมาเป็นนักประวัติศาสตร์และเขาต่อต้านระบอบการปกครองของสาธารณรัฐสังคมนิยมโครเอเชียในเวลานั้น เขาจึงได้เข้าร่วมขบวนการโครเอเชียสปริงซึ่งเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการปกครองเสียใหม่ ทำให้เขาถูกทางการจับกุมและถูกจำคุกใน พ.ศ. 2515[ต้องการอ้างอิง] หลังจากนั้นเขาจึงได้อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวและสงบจนกระทั่งสิ้นสุดการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ในสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย เขาจึงเข้าสู่เส้นทางการเมืองใน พ.ศ. 2532 ด้วยการก่อตั้งพรรคสหภาพประชาธิปไตยโครเอเชีย ต่อมาพรรคของเขาได้ชนะการเลือกตั้งในโครเอเชีย เขาจึงเป็นประธานาธิบดีโครเอเชียเป็นคนแรก และได้ประกาศเอกราชจากสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวียและได้รับเอกราชในวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2534 หลังจากผ่านการลงประชามติเห็นชอบจากชาวโครเอเชียร้อยละ 93

ในฐานะผู้นำในช่วงเวลาของสงครามยูโกสลาเวีย

หลังจากที่โครเอเชียได้รับเอกราช ชนชาติเซิร์บซึ่งอาศัยอยู่ในโครเอเชียจำนวนมากได้ก่อการกบฏและตั้งประเทศเซอร์เบียกรายินาขึ้นมา เซอร์เบียกรายินาได้รับการสนับสนุนจากกองทัพยูโกสลาเวีย มีการสู้รบกันมาจนกระทั่งมีการลงนามสนธิสัญญาหยุดยิงใน พ.ศ. 2535 ทว่าสงครามกลับลุกลามไปถึงประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาซึ่งเป็นพันธมิตรของโครเอเชีย แต่ต่อมาความร่วมมือระหว่างบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนากับโครเอเชียได้เกิดปัญหาขึ้น เมื่อรัฐบาลของเขาหันไปสนับสนุนสาธารณรัฐโครเอเชียแห่งเฮิร์ตเซก-บอสเนียระหว่างสงครามโครแอต-บอสนีแอก[11] ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวบอสนีแอกโดยทหารโครแอต ต่อมาเฮิร์ตเซก-บอสเนียก็ถูกยุบรวมกับบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา และใน พ.ศ. 2538 เขาได้ลงนามร่วมกับอาลียา อีเซตเบกอวิชเพื่อยุติสงครามโครแอต-บอสเนียกและทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อดำเนินปฏิบัติการพายุซึ่งเป็นการหยุดสงครามในโครเอเชียได้สำเร็จจากการที่สามารถปราบปรามกบฏชาวเซิร์บในโครเอเชีย[12] และเขาได้รับเลือกตั้งอีกครั้งใน พ.ศ. 2535 ถึง พ.ศ. 2540